เปิดบริการทุกวัน Open Daily 7.00 -19.00

เปิดบริการทุกวัน Open Daily 7.00 -19.00

๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๑

ANGKRITGALLERY




ขออนุญาติ นำบทความคุณจิรัด มาลงนะครับ

ว่าจะเขียนถึงนิทรรศการนี้พอดีแต่ขี้เกียจก็เลยก๊อปมาซะจาก http://www.angkritgallery.com

ผมว่านิทรรศการที่หลงมาคราวนี้ ท่าจะไม่ธรรมดาซะแล้ว
ใจผม, ตั้งใจแค่แวะมาเที่ยวเชียงรายสักวันก่อนกลับกรุงเทพเท่านั้น พอดีคนรักวานให้ช่วยไปดูงานของนักเขียนที่เธอชอบให้หน่อย ผมว่างอยู่แล้วก็เลยไป แต่งานนี้ก็เล่นเอาผมงงไปเหมือนกัน พอเห็นแผนที่แกลเลอรี่
นักเขียนทำงานศิลปะน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่แกลเลอรี่บนร้านเกาเหลาเลือดหมูนี่ซิ งงมั้ยครับท่าน
เย็นวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน ณ ร้านเจ๊สหรส จังหวัดเชียงราย อากาศกำลังหนาวได้ที่ ผมไม่คิดว่าจะเจอแต่สำเนียงคนกรุงเทพเต็มงานไปหมด (ทำไมไม่อู้คำเมือง น่ารักดีออก) ผมเดินดุ่มเข้ามาในงานคนเดียว เลยออกจะดูแปลกที่แปลกทาง เพราะคนร่วมงานขนาดกำลังพอเหมาะไม่โล่งไม่แน่นทั้งหลายนั้น เค้าดูเหมือนสนิทสนมจนแทบจะกันผมออกจากงานได้ง่ายๆ (โชคดี ที่เค้าไม่ได้ทำ)
กว่าจะถึงแกลเลอรี่ นักชม(แปลกหน้าอย่างผม)ก็ต้องเดินฝ่าด่านความกดดันแปลกๆ ของร้านเกาเหลาขึ้นไปบนชั้นสามให้ได้เสียก่อน จากนั้นจึงจะพบแกลเลอรี่สี่เหลี่ยมผืนผ้าสองห้องติดกัน ผนังห้องขาว(แต่ไม่โพลน ผมแอบเห็นนะ รอยด่างน่ะ) บรรยากาศดูเป็นมิตรกับท่านผู้ชมพอ ๆกับแกลเลอลิสหนุ่มที่ชื่อ อังกฤษ อัจฉริยโสภณ ในวันเปิดงาน เขาทำให้ผมชื่นชมไม่ใช่น้อย(ด้วยความสัตย์จริง ไม่มีการเติมอารมณ์ส่วนตัวลงไปเลย ผมเห็นเขาสวมเสื้อยืดคอย้วยสีขาวตุ่นได้อย่างกล้าหาญ ขนาดผมเป็นผู้ชาย ผมยังชอบเลย กล้าว่ะ ไม่ห่วงภาพพจน์เลย) ชมแต่บรรยากาศยังไม่ทันเดินดูงาน แกลเลอลิสขวัญใจผม ก็เชิญผสมไล่ต้อนผู้ชมให้ลงไปรับประทานของว่างที่จัดเตรียมไว้
ง่ายๆ สบายๆ ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนสนิท ที่แขกดันมาก่อนเวลาแล้วอาหารยังเตรียมไม่เสร็จ จนมันต้องยกเบียร์มากรอกปากเพื่อนฆ่าเวลา
เอ้า! ให้ลงก็ลง เดินกดดันตัวเองลงมาเป็นคนท้ายๆ พร้อมคำถามคาใจว่า แกลเลอรี่เปิดใหม่ๆ แบบนี้ทำไมถึงปล่อยให้มีหนู(ตุ๊กตายาง)วิ่งเพ่นพ่านตามซอกมุมตั้ง 3 ตัว
ลงมาถึงข้างล่าง ห้องโถงโล่งก็เต็มไปด้วยขนม และแซนวิชแตงกวากับอังกฤษ(ที่เค้าว่ากันว่าต่อไปมันจะเป็นของว่างสำหรับทุกงานเปิดของที่นี่) ได้ขนม คนก็แยกวงย่อยคุยกันเบาๆ ผมมาของผมคนเดียว เลยเดินออกไปรับลมหนาวหน้าร้านเกาเหลา
ไม่นานนัก อังกฤษก็เริ่มมากวาดต้อนผู้ชมอีกครั้ง พร้อมประกาศเปิดงานนิทรรศการและแกลเลอรี่อย่างเป็นทางการ(ที่ไม่เป็นทางการที่สุดในโลก) เขายืนอยู่ข้างชายรูปร่างผอมบาง เดาเอาเองว่าน่าจะเป็นศิลปินนักเขียน เจ้าของผลงานข้างบนที่เรายังไม่ได้ดูกัน อังกฤษกล่าวคำเปิดงานได้วกวนแต่สนุกสนานดี ถ้าเป็นการพรีเซนต์งานกับอาจารย์ คงถูกปรับตกและไล่กลับไปตังแต่เห็นเสื้อผ้าแล้ว
ที่มาของแกลเลอรี่ ที่ผมสงสัยอยู่นาน ถูกเขาเฉลยตอนนี้เอง เพราะเขามีพื้นที่อยู่แล้ว ร้าน 7 ห้องแถวที่เราเห็น ถ้าปล่อยทิ้งไว้ ข้างบนก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้เอามาดัดแปลงเป็นแกลเลอรี่ดีกว่า(อ้อ ที่นี่มีชื่อว่า อังกฤษ แกลเลอรี่ นะครับ)พูดจบ เขาก็เชิญ (อีกแล้ว) ให้ขึ้นไปดูงานกันใหม่ดีกว่า ส่วนศิลปินของเราพูดแค่คำเดียว “ครับ”
บนห้องแสดงงาน(อีกครั้ง) ศิลปินและแกลเลอลิสกลับมายืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของผู้ชม(เหมือนเดิม)ต่างไปตรงที่ ศิลปิน “อุเทน มหามิตร” ได้มีโอกาสพูดซะที
นิทรรศการชื่อ เชื้อราและทากเปลือย (small and strange) เท่าที่จับใจความได้ ผมคิดว่าเค้าคงสนใจสิ่งมีชีวิตเล็กๆ หากไม่มีคนช่วยถามเพิ่มเติม คงไม่ได้รู้รายละเอียดกันแน่ๆ(ซึ่งบางทีการได้รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานมากขึ้น ก็เป็นการดีต่อ นัก(หัด)ชมงานศิลปะ(จำเป็น)อย่างผมมากเหมือนกันนะ)
“สิ่งมีชีวิตเล็กๆ มีตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นเชื้อราและทากเปลือย” คำถามจากผู้ชมท่านหนึ่งดังมาจากมุมห้อง
อุเทนแก้เขินเบาๆ ก่อนตอบว่า “เออ นั่นคือสิ่งที่จะพูด…แต่ลืม” เสียงหัวเราะครืนขึ้นทั่วห้องพร้อมเสียงลั่นชัตเตอร์
“งานชุดเชื้อรา เป็นงานที่ทำเมื่อ 3 ปีก่อน ช่วงที่เพิ่งรู้จักและมาพำนักกับอังกฤษใหม่ๆ ที่เชียงราย เดิมชื่อว่า “สนิท ชิด เชื้อ” ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคนหรืออะไรก็ตาม ต่างมีกระบวนการคล้าย เชื้อรา คือมันต้องมีการใกล้ชิดกันก่อน แล้วค่อยใช้เวลาในการบ่มเพาะ ผมเอาผ้าใบไปหมักกับขนมปัง น้ำ ชา กาแฟ ทิ้งไว้ 10 วันในห้องอับ ๆจึงเอาออกมาขูดราทิ้งบางส่วน แล้วค่อยเริ่มเขียนภาพ portrait ของเชื้อรา ส่วนทากเปลือย ผมพบมันโดยบังเอิญจากหนังสือ National Geographic มันเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆที่เล็กแต่สวยมาก สีสันของมันสดใสทั้งที่มันอยู่ใต้ท้องทะเลลึก แต่ในความงามนั้นกลับมีพิษร้ายแรง”
พูดเร็วพูดจบเหมือนไม่ใช่เนื้อหาสาระของงาน แล้วอุเทนก็หยิบสารคดีชีวิตทากเปลือย “นักท่องมหาสมุทร” มาอ่านให้ฟัง (กวีไม่อ่านกวี แต่อ่านสารคดีแทน) สายตาผมก็เล็ดลอดออกไปเห็นตัวทากเปลือยสีขาวรูปร่างขรุขระจัดวางไว้ข้างๆ พออ่านจบ เขาก็หยิบทากเปลือยขึ้นแล้วพยาม(ผมว่าคงสุดแรงเกิดเค้าเลยแหละ)เล่นมุก
“ลองทานได้นะครับ ทากเปลือยอบเชยเพิ่งเก็บสดๆ ขึ้นจากทะเลเลย” แต่เอาน่า ก็ยังเรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้อยู่ดี
จบปาฐกถาของอุเทน ก็เป็นการพูดคุยกันระหว่างแกลเลอลิส ศิลปิน และคนใน(ส่วนคนนอกอย่างผมก็ได้แต่ขำๆ ไปกับเขา) ก่อนเขาจะปล่อยให้เดินชมงานได้อย่างอิ่มหนำสำราญใจสักที แต่อย่านึกนะครับว่าผมจะได้ดูงานจำนวนนับร้อยชิ้นของอุเทนได้อย่างที่เกริ่นไว้ เพราะแค่เพียงไม่นาน แกลเลอลิส คุณผู้ดีอังกฤษ ในนามเทพเจ้าของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ(ที่ไม่ต่างอะไรกับประติมากรรมประหลาดกลางห้อง มีหัวเป็นม้าสีทอง ถือไม้กระบองก่ำกึ่งอารมณ์ระหว่างน่าเกรงขามกับขบขัน) วิ่งขึ้นมาอย่างกระหืดกระหอบ เพื่อขอร้องผู้ชมที่เพิ่งเริ่มเพลิดเพลินกับกายวิภาค(drawing)ของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ
“ช่วยลงไปอยู่กันข้างล่างหน่อยได้ไหม ตอนนี้ไฟตก ข้างล่างกระพริบเป็นดิสโก้เทคแล้ว”
เอ้า เอาเข้าไปซิ (กู)มาตั้งนาน ยังไม่ได้ appreciated กับงานศิลปะเลย แล้วอย่างนี้ จะเอาอะไรไปเล่าให้แม่ตัวดีที่บ้านฟังเนี้ย
ประหลาดจริงๆ ไปกันใหญ่แล้ว นิทรรศการนี้
ตามชมภาพผลงานได้ที่ http://picasaweb.google.com/angkritgallery/SmallAndStrange# นะครับ

-->
บรรยากาศงานเปิดนิทรรศการเชื้อราและทากเปลือย
นิทรรศการเชื้อราและทากเปลือย โดยอุเทน มหามิตร
http://picasaweb.google.com/angkritgallery/SmallAndStrangeOpening#
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2551

๓ ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขี้เกียจได้ใจจริงๆ เล่นก๊อปเค้ามาซะขนาดนั้น
ความขี้เกียจไม่เข้าใครออกใคร เราก็เป็นบ่อยๆ...

อ่านบทสัมภาษณ์ คุณอุเทนแล้วสนุกดี
ถ้าเดาไม่ผิดคุณอังกฤษ คงเป็นคนที่ใส่เสื้อยืดขาวหม่น คอย้วยๆ นั่นเป็นแน่ เก๋าจิงๆ ทำให้นึกถึงเสื้อคอห่านของพ่อที่เราแอบเอาไปทำเป็นผ้าเช็ดมือในครัว ทำเอาพ่อ งอนไปหลายวัน (มันเก่าประมาณผ่านสงครามโลกมา คอขาดรุ่งริ่ง ด้านข้างแหวกขึ้นมาโชว์สีข้าง
เหลือบเห็นพุงนิดๆ)
แกบอกว่ามันใส่สบายดี นั่นคงเป็นครั้งเดียวที่เราคิดว่าทำให้พ่อเสียใจ เลยสัญญากะตัวเองจะไม่ยุ่งกะเสื้อคอห่านของพ่ออีก

เคยไปดูนิทรรศการศิลปะกะเค้ามาบ้างเหมือนกัน
สมัยเรียน ตามก้นพี่ชายไปต้อยๆ เค้าชอบหนีบเราไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ครั้งหนึ่งที่ศิลปากรผู้ชื่นชมงานศิลป์แต่ละคนระดับเซืยนทั้งนั้น ดูแล้วก็วิจารณ์ถึงอารมณ์ศิลปะมาเป็นฉากๆ ไอ้เราก็ได้แต่ทำตาแป๋วๆ ศัพท์แสงที่พูดมาแต่ละอย่างนี่ทำเอาเรา งงเลย
เราชอบดูงานที่เป็นนามธรรม ต้องใช้จินตนาการคิดเองว่ามันเป็นอะไร แนว abstract อะไรประมาณนั้น
ถ้าเข้าใจไม่ผิดกะ ศัพท์ที่เคยถูกเค้ากรอกหู มานะ
ครั้งแรกที่เห็นภาพวาดของคุณอุเทนที่ร้านกาแฟ
เรายังมองเป็นผีเสื้อเลย ให้ตายเหอะ(อย่าบอกศิลปินนะ เดี๋ยวเค้าเคือง)พอลดสายตาลงมาเค้าเขียนว่า
"นิทรรศการเชื้อราและทากเปลือย"

ปีใหม่นี้ สหรส เป็นทางผ่านพอดี
ถ้ามีโอกาสจะแวะไปดูผลงานจริงค่ะ
ใช้เทคนิคการสร้างสรรค์งานศิลป์แปลกๆดีเหมือนกัน
เคยเห็นพี่ชาย ใช้ปูนปลาสเตอร์บนสี่อะคลีริคเราก็ว่าแปลกแล้วน่ะ

ปล.น้ำประปาไม่ไหล ท่อส่งน้ำสายหลักมันแตก
แถวๆร้านพี่นั่นแหละ บ้านเราก็เลยได้รับอานิสงไปด้วยที่ร้านมีแทงค์เก็บน้ำรึเปล่า
ถ้าไม่มีคงลำบากซักหน่อยสำหรับการเปิดร้านพรุ่งนี้
ปิดร้านเลยดีมะ ผู้จัดการร้านคงจะชอบใจอยู่ไม่น้อย
มีโอกาส ชะแว้บ...^-^(ล้อเล่น)

ร่ายมาซะยาวเลย ขออภัยที่แสดงความเห็นเกือบทุก
บทความเลย อ่านแล้วมันอดไม่ได้อะน่ะ สนุกดี
จะ sensor ก็ไม่ว่ากันจ้า...

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

นี่เขาจะซ่อมท่อทันรึเปล่าเนี่ย

ไม่ได้สระผมมาแล้ววันแล้วด้วยซิเนี่ย

ทำไงดี ทำไงดี

Angkrit Ajchariyasophon กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ ต้า ที่ช่วยประชาสัมพันธ์
...
เรื่องเสื้อคอย้วย นี่ชอบมากครับ ยิ่งเก่ายิ่งนิ่ม ใส่สบายมาก ถ้าไม่ต้องพบปะผู้คน จะดีมาก ฮ่าๆ