เปิดบริการทุกวัน Open Daily 7.00 -19.00

เปิดบริการทุกวัน Open Daily 7.00 -19.00

๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๒

“floater”

22 สิงหาคม 2552

วันนี้เห็นเส้นสีดำๆลอยไป ลอยมาในตาข้างซ้าย ตอนแรกคิดว่าเป็นเส้นผมที่ยาวมาบังตา

แต่พอใส่ที่คาดผมแล้วก็ยังเห็นชัด หาดูในอินเตอร์เน็ตก็เจอข้อมูลว่า

อาการมองเห็นจุดดำ หรือลูกน้ำลอยไปลอยมาผ่านเข้ามาในขอบเขตของการมองเห็นหรือลานสายตา

สิ่งนี้เรียกว่า “floater” อาการมักจะเด่นชัดเวลาที่มองไปที่พื้นผิวเรียบๆ เช่น ฝาผนังสีพื้น กระดาษเปล่า หรือท้องฟ้าเงาดำที่เห็นลอยไปมา หรือ floater นี้แท้จริงแล้ว คือ ส่วนของน้ำวุ้นตาที่ขุ่นเป็นจุด, ก้อน หรือเส้น หรือมีเซลล์อยู่ภายใน

น้ำวุ้นตา

(น้ำวุ้นตา หรือ Vitreous เป็นส่วนที่บรรจุอยู่ภายในลูกตาด้านหลัง โดยปรกติจะเป็นวุ้นใส โดยโครงสร้างภายในประกอบด้วยน้ำ 99% และโมเลกุลต่างๆ และเส้นใยอีก 1% น้ำวุ้นตาช่วยให้ลูกตาคงรูป และภาพผ่านไปตกที่จอประสาทตาได้ชัดเจน)

ขณะที่เรารู้สึกว่า เวลามองแล้วเหมือนมีอะไรลอยไปมาตรงหน้า แท้จริงแล้ว สิ่งที่เห็นนั้น ลอยอยู่ภายในลูกตาเราเอง แล้วทำให้เกิดเงามาตกบนจอประสาทตาด้านหลังลูกตา เราจึงรู้สึกถึง floater ได้ Floater อาจมีรูปร่างแตกต่างได้หลายแบบ เช่น เป็นจุดเล็ก ๆ เป็นวงกลม เป็นเส้น เป็นใยแมงมุมหรือเป็นกลุ่มก้อนเงาคล้ายกับก้อนเมฆ หรือรวงผึ้ง

สาเหตุของ floater เมื่อคนเราเข้าสู่วัยกลางคน น้ำวุ้นลูกตาจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจากวุ้นเป็นลักษณะที่เหลวเหมือนน้ำมากขึ้น และหดตัว เส้นใยที่เป็นโครงสร้างของน้ำวุ้นจะรวมตัวกันและหนาตัวเป็นจุด หรือเส้นภายในลูกตา การหดตัวของน้ำวุ้นตา จะทำให้น้ำวุ้นตาแยกจากจอประสาทตาด้านหลัง เรียกว่า Posterior vitreous detachment ทำให้มีจุดหรือเงาดำ หรือ floater เกิดขึ้น

โดยทั่วไปภาวะนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงปรกติที่พบได้ในคนสูงอายุอยู่แล้ว เรามักเรียกว่า “น้ำวุ้นตาเสื่อม” นอกจากนี้แล้วการเห็นจุดดำ หรือ floater นี้ พบได้ในคนที่มีสายตาสั้น,ได้รับการผ่าตัดต้อกระจก ฉายแสงเลเซอร์ หรือ มีการอักเสบภายในลูกตา

โดยปรกติ คนที่มี floater ก็ยังมีการมองเห็นชัดเจนปรกติ ความรู้สึกที่มีเงาดำลอยไปมา จะค่อย ๆ ลดลงไปเอง เมื่อเวลาผ่านไป และก่อให้เกิดความรำคาญน้อยลง แม้ว่าในบางคนอาจยังรู้สึกได้เป็นปี การเกิด floater จากการที่น้ำวุ้นตาเปลี่ยนแปลงเมื่อสูงอายุหรือที่เรียกว่าน้ำวุ้นตาเสื่อมไม่มีการรักษา

แต่ถ้ามี floater เกิดขึ้น ก็ควรได้รับการตรวจจากจักษุแพทย์ทันที เพื่อดูว่ามีการฉีกขาดของจอประสาทตาร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากภาวะจอประสาทตาฉีกขาดหรือลอกต้องได้รับการรักษา มิฉะนั้นอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวรได้ ดังนั้น จึงควรพบจักษุแพทย์ ถ้ามีอาการต่อไปนี้

รู้สึกว่ามีเงาดำ หรือ floater ใหม่ เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด
รู้สึกมีแสงแปล๊บคล้ายไฟแฟลชกล้องถ่ายรูป (flashing) เกิดขึ้นในลูกตา
มีอาการมองเห็นผิดปรกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การมองเห็นทางด้านข้างเสียไปหรือลานสายตาแคบลง ควรกลับไปพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการตรวจว่ามีจอประสาทตาฉีกขาด หรือหลุดลอกหรือไม่

อ่านเสร็จ ก็ไปหาหมอ เพราะหมอเคยบอกว่าถ้ามีอาการเกี่ยวกับตาให้ไปหาหมอทันที

เนื่องจากโรค A.S. ที่เป็นสามารถทำให้เกิดอาการม่านตาอักเสบได้

คราวนี้เอาใหม่ ไปโรงบาลเอกชนมั่ง เพราะนึกภาพแล้วว่าถ้าไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด วันนี้ทั้งวันคงไม่ต้องทำมาหาแดกอะไร นั่งถือบัตรคิว รอเผากงเต๊กอย่างเดียว

ขับรถฝ่าฝนไปที่โรงบาล เข้าไปปุ๊บ บอกอาการเจ้าหน้าที่ เขาให้เดินไปในห้องเจอหมอเลย !

เฮ้ยย! ตกใจเล็กน้อยกับความเร็ว เร็วขนาดนี้สิ่งที่ตามมาคงคือความแพง ทั้งกระเป๋ามีอยู่ 700 ภาวนาว่าคงพอจ่าย ถ้าเกินก็ยอมติดคุกละวะ

หมอบอกว่าจะต้องตรวจโดยการขยายม่านตา แต่การใช้ยาหยอดขยายม่านตานั้นจะมีผลไปอีก 6 ชั่วโมง นั่นแปลว่าเราจะขับรถกลับบ้านไม่ได้

แต่ไม่เป็นไร หมอว่าจะให้รถโรงบาลเปิดไฟวี้หว่อไปส่งถึงบ้าน ผมเริ่มกลืนน้ำลาย (บริการขนาดนี้ แพงแน่ๆ)

มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องตรวจ ผมไปนอนให้พยาบาลหยอดยาขยายม่านตาทุก 5 นาที นอนอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ได้ยินพยาบาลบ่นเบาๆว่า ทำไมไม่ขยายซักทีนะ (นอนนึกในใจว่านี่เป็นประโยคบอกเล่ารึประโยคคำถามวะเนี่ย)

นอนซักพัก พยายาบาลมากระซิบ อีก5 นาทีนะคะ ผมค่อยๆลืมตา ได้ผล ยาออกฤทธิ์แล้วแน่แท้ ตอนนี้ภาพที่เห็นทั้งเบลอ ทั้งฟุ้ง ทั้งจ้า เหมือนใส่ฟิลเตอร์ซอฟในกล้องถ่ายรูป เดินเซๆไปหาหมอคนเดิม เอาหน้าแนบกับเครื่องตรวจสายตา หมอใช้เลนส์ขยายส่องดูพร้อมไฟฉายเล็กๆส่องดูอย่างละเอียด

ม่านตาตอนนี้ขยายมากกว่า 10 เท่า เจอแสงไฟจากไฟฉายก็ถึงกับแสบทีเดียว หมอเช็คดูอย่างละเอียดและก็บอกว่าเป็นอาการ “floater” เส้นพวกนี้ไม่มียาหยอดที่จะทำให้มันหายไปได้ แต่มันไม่ทำอันตรายอันใดดอก เพียงแต่รำคาญ ดังนั้นหมอจะให้เพียงยาหยอดตาธรรมดาไปหลอดหนึ่งเท่านั้น ถ้ามีอาการอื่นใด เช่นเห็นแสงฟ้าแล่บ หรือตามัวลง ค่อยมาพบกันใหม่ในโอกาสหน้า

ส่วนอาการข้างเคียงจากโรค A.S.(Ankylosing Spondylitis) นั้น ยังไม่พบ แสดงว่าอาการยังไม่ลุกลาม ขอให้เจ้าวางใจ แต่อย่าชะล่าใจ ในยุทธจักรล้วนเต็มไปด้วยอันตราย ถ้าให้ดี ขอให้เจ้าวางกระบี่ ล้างมือจากยุทธจักรเสีย

ผมก้มลงคาราวะท่านหมอ แล้วร่ำลาออกมา

เท่านี้ก็โล่งใจไปได้นิดหนึ่ง เดินหยีตาถือกระบี่ไปรอหน้าช่องการเงิน

หน้าช่องจ่ายตังค์เจ้าหน้าที่ทักผมก่อนว่า "มีบัตรส่วนลดมั้ยคะ" ผมบอก หา! บัตรส่วนลด?

ผมมีแต่คูปองสะสมห้าโรคฟรีหนึ่งโรคอะคับ


โอ้...นี่โรงบาลหรือโลตัสวะเนี่ย

บิลออกมาที่ 590 บาท เป็นค่าตรวจ ค่าหมอ ค่าอุปกรณ์ และค่าวินิจฉัยว่าเป็น “floater”

ส่วนการรักษาทำไม่ได้ และก็ยังไม่มีใครทำ (คงไม่จำเป็นละมัง)

ขั้นตอนทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง นี่ถ้าเข้าโรงบาลป่านนี้คงถือบัตรคิวรอเรียกเพื่อจำแนกคนไข้อยู่ละเนี่ย แต่อย่าลืม ทั้งหมดนั้น ฟรี!!

จ่ายตังค์เสร็จเดินออกไปนอกโรงบาล แสงตอนกลางวันในขณะฝนตกปรอยๆไม่น่าจะแสบตาได้ขนาดนี้

นึกถึง รถพยาบาล ที่หมอบอกว่าจะให้ไปส่ง อยู่ไหนวะ จ่ายตังค์เสร็จไม่เห็นสนใจกูเลยว่าจะกลับยังไง

ตอนนี้เข้าใจพวกผีดิบแล้วว่า ทำไมกลัวแสง แสบตาจริงๆจนต้องหลับตา

เดินหรี่ตาพร้อมน้ำตาที่ย้อยอาบแก้มเข้าไปกระซิบกับพนักงานแปล พี่ๆ ขับรถไปส่งผมหน่อย ผมเพิ่งผ่าตัดลูกตาใหม่ มองยังไม่ค่อยชัด

ได้ผล พนักงานแปลใจดีเดินถือกุญแจลุยฝนไปเอารถที่ลานจอดรถและขับไปส่ง

นี่ถ้าเอารถโรงบาลไปส่งแม่คงนึกว่าเขาเอาศพลูกชายมาส่งแน่ๆ

ปีนี้ชีวิตก็ยังวนเวียนอยู่แถวโรงบาล เฮ่อ...

๒ ความคิดเห็น:

นายหญิงHoney กล่าวว่า...

แล้วตอนนี้ยังเห็นเส้นสีดำอยู่รึเปล่า ดีขึ้นรึยัง
โรงบาลเอกชนบ้านเราบริการรวดเร็ว
แต่การรักษายอดแย่จ๊ะ คนป่วยคือลูกค้าไม่ใช่คนไข้
มีตังค์ก็มา แต่ได้รับการรักษาแบบ งงๆ
ตามประสบการณ์นะ

ปล.ทางที่ดีดูแลตัวเองให้มากจ๊ะ หายไวๆนะ

อดิศักดิ์ ด่านพิทักษ์ กล่าวว่า...

ตอนนี้เส้นดำๆก็ลอยไปลอยมาอยู่

หมอว่า เราจะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน อย่ารำคาญ

แต่ก็อดรำคาญไม่ได้ บ้าจริง!!!