๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๐
ภูตะวัน
ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีเพื่อนๆมาเยี่ยมดูร้านที่ไม่เสร็จซักทีหลายคณะ อย่างเพื่อนจากอินเดีย (โจกี้)ที่เข้ามาบวชในเมืองไทยและมาทัศนาจรทั่วประเทศพร้อมกลุ่มพระไทยร่วมรุ่นที่เคยเรียนด้วยกันที่อินเดีย และล่าสุด เพื่อนเก่าจากอาศรม จูเลีย สาวน้อยจากอเมริกาผู้กำลังทำปริญญาเอกด้าน พุทธมนุษยจิตวิทยา ขับรถมอเตอร์ไซค์จากแม่แจ่มมานอนบ้านอุเทน
ทุกครั้งที่มีแขกมาเยือน ตามมารยาทก็ต้องพาเที่ยวชมเมืองพะเยา โปรแกรมเที่ยวยอดฮิต ที่ผมคิดเอาเองว่าเป็นที่ควรไปก็มี หอวัฒนธรรมนิทัศน์(รวมหลักฐานโบราณคดีเมืองพะเยา) วัดศรีโคมคำ(ไหว้พระเจ้าตนหลวง) หอกลางน้ำ(ชมภาพเขียนคุณอังคาร)หอจดหมายเหตุพะเยา(ดูอาคารใหญ่โตอันว่างเปล่า)วัดอนาลโย(ชมสิ่งปลูกสร้างทางวัตถุอันยิ่งใหญ่เช่น พุทธคยาจำลอง บุษราคัมก้อนใหญ่มหีมา สะท้อนถึงบารมี(อิทธิพล)ของผู้จัดการวัดกลายๆ เมื่อก่อนคนยังนิยมไปเที่ยวกัน แต่หลังจากมีวัดใหม่ชื่อ เทสโก้ โลตัส คนพะเยาก็พากันไปทำบุญที่นั่น ด้วยศรัทธาในพระกรุณาธิคุณลดกระหน่ำราคาสินค้าโปรดปวงสัตวืโลกผู้ยาก) อ่างเก็บน้ำแม่ปืม และเก้าลอเก้า ที่ว่ามา นอกจากวัดพระเจ้าตนหลวงแล้ว ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนพะเยาไปเที่ยวชม อาจจะเพราะราคาน้ามันที่สูง หรือ วัดใหม่ที่ว่า ไม่นานมานี้ จากคำแนะนำของอุเทน ทำให้ค้นพบสถานที่เที่ยวใหม่ นั่นคือ พระตำนักภูตะวัน ผมเองเชื่อว่าคนพะเยาส่วนใหญ่นั้นไม่เคยไป พระตำหนักที่ว่าตั้งอยู่ในเขตวัดอนาลโย (อันที่จริงมันก็ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยหลวงอีกที แต่ผมไม่กล้าพูดเพราะเกรงว่ากรมป่าไม้เขาอาจจะไม่ชอบเท่าไรที่พบว่าเราสร้างบ้านสวยๆในเขตนี้ได้)จากจุดสูงสุดของดอยใหม่ จะมีประตูขนาดใหญ่กั้นไม่ให้คนทั่วไปเข้าไป แต่ด้วยวันนั้นเรามากับฝรั่ง และคนไทยเกรงใจฝรั่งจึงไม่กล้าปฎิเสธ จึงนับเป็นครั้งแรกที่คนพะเยาอย่างผมจะได้ไปเห็นพระตำหนักภูตะวัน เมื่อขับรถคดเคี้ยวตามถนนลาดยางอย่างดีไปจนถึงยอดเขา เราก็จะได้พบบ้านหลังไม่ใหญ่สร้างด้วยไม้รูปทรงคล้ายสัณฐาคารในอาศรม ตัวด้านหน้าเป็นกระจกนิรภัยใสไม่มีรอยต่อแผ่นใหญ่เท่าตู้ใส่ปลาบึกในสยามพารากอน บริเวณหน้าบ้านมีระเบียงยื่นออกไปมองเห็นเทือกเขารอบๆและแลเห็นเมืองพะเยาและกว้าน เล็กจนเป็นเพียงธุลีใต้พระบาทผู้ที่นานๆครั้งจะมาประทับ
ในฐานะคนพะเยา ผมบังเกิดความปรีดาเป็นล้นพ้น ที่เห็นพระตำหนักแห่งนี้สร้างขึ้นมาอย่างสมฐานะของผู้มีบุญญาบารมี เป็นสรวงสวรรค์ที่ลอยอยู่บนศรีษะของชาวพะเยาผู้ทุกข์ยาก ปวงชนที่ยากไร้เหล่านี้หวังเพียงว่า พระองค์จะสรงเกษมสำราญ และทรงเป็นมิ่งขวัญให้พวกเขา เพื่อจะได้สวมเสื้อเหลืองและห้อยจตุคามอย่างนี้ต่อไป